เลือกใช้ web hosting กับที่ไหนดี
จะเริ่มต้นมีเว็บไซต์ได้อย่างไร?
ควรเลือกเว็บโฮสติ้ง /web hosting กับที่ไหนดี
WEB HOSTING SOLUTIONS
1. จดทะเบียนโดเมนเนม
ในการเริ่มต้นเว็บไซต์ หรือการใช้งานอีเมล์นั้น คุณจะต้อง "จดทะเบียนโดเมนเนม" ก่อนค่ะ ตัวอย่างเช่น www.domainname.com เมื่อคุณได้ชื่อ "โดเมนเนม" แล้ว จึงจะเลือกใช้ web hosting
เพื่อจัดเก็บเว็บไซต์ และการใช้งานอีเมล์ในชื่อโดเมนเนมของคุณ
ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง (web hosting service provider) จำนวนมากมาย ที่ให้บริการจดโดเมนฟรี พร้อมกับการใช้งานweb hosting
2. เลือก Hosting โดยพิจารณาถึงรูปแบบเว็บไซต์ที่คุณต้องการ
โดยทั่วไป เว็บไซต์จะมีรูปแบบของการจัดเว็บไซต์ 2 รูปแบบคือ
2.1 เว็บไซต์สแตติค
Static web site หรือ Simple web site
เว็บไซต์สแตติค เป็นเว็บไซต์ที่มีรูปแบบไม่ยุ่งยาก และไม่ซับซ้อน โดยคุณสามารถสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบไฟล์ html หรือ java,CSS โดยอัปโหลด/upload file ไปไว้ที่เว็บโฮสติ้ง /web hosting (web server) โดยใช้โปรแกรม FTP (file transfer) เช่น FileZilla หรือ Winscp หรือโปรแกรมอัพโหลดไฟล์อื่นๆ
2.2 ไดนามิคเว็บไซต์ (Dynamic sites)
เช่น เว็บไซต์สำเร็จรูป,wordpress, cms (content management software) ,blogs, forums, shopping cart,photo galleries...) เป็นต้น
ระบบเว็บไซต์ในลักษณะนี้ คุณสามารถติดตั้งโปรแกรม หรือ web application ไว้ที่ เว็บโฮสติ้ง/web hosting หรือ web server ได้ โดยมีการจัดเก็บข้อมูลแบบฐานข้อมูล หรือ Database เพื่อเรียกใช้ ในการแสดงผล เช่น MySQL เป็นต้น
โดยโปรแกรมจะมีเครื่องมือ ที่ช่วยให้คุณสามารถ เพิ่มเติม, แก้ไข เนื้อหาของเว็บไซต์ได้ ตลอดจนการใส่รูปภาพและข้อความ รวมถึง ไฟล์วิดีโอต่างๆ แบบ online โดยมีการเชื่อมต่อกับ web hosting ที่คุณใช้งาน
นอกจากนี้ คุณอาจเขียนโปรแกรมหรือ application เพื่อใช้งานระบบหรือเว็บไซต์ของคุณได้ด้วย
Open source Software
คุณอาจติดตั้งใช้โปรแกรม Open source Software ต่างๆ เช่น WordPress, phpBB,zencart,oscommerce,woocommerceSMF (simple machines forum),Magento,OpenCart เป็นต้น
ในการติดตั้งโปรแกรมสำเร็จรูปเหล่านี้ คุณไม่ต้องกังวลใจ เลยค่ะ
webhostthai web hosting บริการติดตั้ง Opensource software ให้กับผู้ใช้ หรือผู้ใช้อาจติดตั้งโปรแกรมได้เอง จาก Control panel
และหากมีปัญหาในการติดตั้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจาก บริการด้านเทคนิคของ webhostthai web hosting ได้เลยค่ะ
2.3 เว็บไซต์สำเร็จรูป
นอกจากการติดตั้งโปรแกรมเพื่อใช้งาน หากคุณไม่มีความรู้ทางด้านเทคนิค หรือการเขียนโค้ดของโปรแกรม เราขอแนะนำ เว็บไซต์สำเร็จรูป ninenic.com ที่จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ได้เสร็จอย่างรวดเร็ว สวยงามแบบมืออาชีพ และเริ่มต้นได้ทันที
เว็บไซต์สำเร็จรูป สำหรับองค์กร ธุรกิจ เว็บไซต์สำเร็จรูป อีคอมเมอร์ส - ร้านออนไลน์
แนะนำ Web Hosting Technology
- สำหรับเว็บไซต์แบบ html หรือ static เว็บ จะใช้กับ web hosting ใดๆ ก็ได้
- เมื่อคุณจัดทำเว็บไซต์ที่เป็นไดนามิค (Dynamic website) โดยทั่วไปจะมี plateform 2 แบบคือ
(1) Linux web hosting :
Linux web hosting :
ใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ ปรกอบด้วยโปแกรมที่ใช้งานภาษา PHP ในการสร้างโปรแกรมประยุกต์ หรือสร้าง web applications โดยใช้เทคโนโลยี Linux Apache, MySQL Database และ PHP
สำหรับ webhostthai.com ใช้ เว็บโฮสติ้ง/Web Hosting ในรูปแบบนี้ค่ะ
Linux web hosting มีข้อได้เปรียบ สำหรับการนำเว็บแอพลิเดชั่นยอดนิยม และ Opensource software มาใช้งาน
เช่น Wordpress, Joomla, Drupal และ phpBB อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโปรแกรม Shopping cart เช่น zencart, Oscommerce, opencart ,magento , Woocommerce และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ Linux web hosting ยังมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเว็บโฮสติ้ง แบบ windows
(2) Windows Web Hosting
Windows Web Hosting
ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ หรือ windows os ประกอบด้วยโปแกรมที่ใช้งาน fontpage ,ASP ในการสร้างโปแกรมประยุกต์ หรือสร้าง web applications. โดยใช้ IIS web server และฐานข้อมูล SQL server databases.
ใช้ เว็บโฮสติ้ง /Web Hosting ที่ไหนดี?
การเลือกใช้เว็บโฮสติ้ง /Web Hosting แบบใดนั้น จะขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กรเป็นหลักค่ะ
โดยทั่วไป เว็บโฮสติ้ง/ web hosting อาจจำแนกออกได้เป็น 4 รูปแบบหลักๆ คือ
(1) Free web hosting ($0):
ฟรี web hosting มีรูปแบบการให้ใช้ web hosting โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
Free web hosting มักจะไม่มีการรับประกันการใช้งาน หรือการสำรองข้อมูล (Backup) เมื่อมีผู้ใช้งานจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดปัญหา เซิฟท์เวอร์ทำงานหนัก หรือ overloaded หรือช้า หรืออาจมีโฆษณา
เว็บโฮสติ้งแบบฟรี จึงเหมาะสำหรับการใช้งานเว็บไซต์ส่วนตัว หรือเว็บไซต์เล็กๆ ที่ไม่ต้องการในเชิงธุรกิจ เนื่องจากไม่คำนึงถึงความเสถียรภาพของ เว็บโฮสติ้ง/Web hosting มากนัก
(2) Shared web hosting :
เว็บโฮสติ้ง/Web hosting แบบใช้งานร่วมกัน หรือ Shared Web hosting
โดยส่วนใหญ่แล้ว เว็บโฮสติ้ง ที่ให้บริการ จะเป็นลักษณะแบบนี้ค่ะ โดยจะมีเซิฟท์เวอร์ (server) ขนาดใหญ่ ที่มีลูกค้าเว็บไซต์จำนวนหนึ่งอยู่ใน Web hosting เดียวกัน
ลูกค้าแต่ละรายจะมีบัญชีและรหัสผ่าน หรือ Web hosting account ของตนเอง และบริหารจัดการ Web hosting ในส่วนของ account ตนเองผ่านระบบ web hosting control panel (Cpanel WHM)
(3) VPS (Virtual Private Servers) :
เซิฟท์เวอร์ส่วนตัวเสมือนจริง หรือ VPS server
เป็นเซิฟท์เวอร์ (server) ที่แยก เว็บโฮสติ้ง/Web hosting ออกมาจำนวนหนึ่ง (จำนวนไม่มาก ประมาณ 8-16-32 ราย) เซิฟท์เวอร์ส่วนตัวเสมือนจริง หรือ VPS server เป็นเทคโนโลยที่ทันสมัย ที่มีฟีเจอร์การทำงานที่มากขึ้น และความยืดหยุ่น ในการควบคุมเว็บไซต์ของคุณ ใช้สำหรับพัฒนาแอพลิเคชันการทำงาน ที่่ซับซ้อน หรือที่ต้องการให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพ โดยผู้ดูแลหรือ admin จะได้สิทธิ์ root VPS server จึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการพื้นที่มากๆ , data transfer มากๆ การจัดการในด้าน security ที่สูงมาก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VPS server Dedicated Servers เป็นบริการให้เช่าเซิฟท์เวอร์ส่วนตัว โดยผู้ให้บริการ Server คุณสามารถจัดการเซิฟท์เวอร์ (server) ได้ทั้งหมด เหมือนคุณเป็นเจ้าของเซิฟท์เวอร์ แต่ Dedicated Servers มีราคาค่อนข้างสูง
โดยทั่วไปนิยมใช้บริการ shared web hosting ซึ่งทำให้ต้นทุนไม่สูง และมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการดูแลด้านเทคนิค โดยเจ้าหน้าที่ ทำให้คุณไม่ต้องกังวล ในการดูแลด้านเทคนิค โดยทั่วไปผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง web hosting ต่างๆ ในบางรายอาจเสนอ ให้พื้นที่ (diskspace) หรือแบนด์วิช (bandwidth) จำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจนะคะ ลองพิจารณา องค์ประกอบที่ควรมีสำหรับการเลือกเว็บโฮสติ้ง / web hosting ดังนี้ค่ะ
(4) Dedicated Servers :
เลือกผู้ให้บริการ เว็บโฮสติ้ง /Web Hosting อย่างไร?
มักจะมีการถามอยู่บ่อยๆ ว่า เราจะเลือกใช้บริการเว็บโฮสติ้ง/web hosting กับที่ไหนดี?
web hosting performance :
web hosting พิจารณาได้จาก ความเร็วในการแสดงผลของเว็บไซต์ที่ผู้เยี่ยมชมจะได้รับ ซึ่งขึ้นอยู่กับเซิฟท์เวอร์ที่ใช้ ระบบเครือข่าย และปริมาณของเว็บไซต์ที่ใช้งานใน เว็บโฮสติ้ง/web hosting หรือ Load ของ server นั่นเอง
โดยเราสามารถตรวจสอบกับเว็บไซต์ที่ใช้เว็บโฮสติ้ง/web hosting นั้นอยู่
Web hosting Uptime :
การใช้งานอย่างต่อเนื่อง 99% หรือไม่มีการล่มบ่อยๆ
Web hosing Uptime คืออะไร
web hosting uptime คือระยะเวลาที่เซิร์ฟเวอร์มีอยู่และมีการทำงาน โดยมักจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น "uptime 99 %"
web hosting Uptime เป็นตัวชี้วัด คุณภาพของผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง ในการดูแลและรักษาระบบของเว็บโฮสติ้ง /web hosting ให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง
web hosting Uptime จึงมีความสำคัญต่อการพิจารณาผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง/web hosting เป็นอย่างมาก
web hosting ที่มีความปลอดภัยในการใช้งาน :
ในการเลือกผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง/web hosting ควรเลือกผู้ให้บริการ web hosting ที่มีระบบป้องกันไวรัสจากอีเมล์ (Anti virus for email) และมีระบบกรองอีเมล์ขยะ หรือสแปมเมล์ (web hosting with Spam mail filter) เพื่อความปลอดภัยและประสิทธฺิภาพ การใช้งานข้อมูลสูงสุดของคุณ
Network Architecture และการสำรองข้อมูล
ข้อควรพิจารณาในการเลือกผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง/web hosting รายใด ควรเลือกผู้ให้บริการ web hosting ที่มีระบบสำรองข้อมูลรายวัน และรายสัปดาห์ (Daily Backup, Weekly Backup),UPS and Diesel Powered Backup ตลอดจนการดูแลระบบเครือข่าย (24/7 Network Monitoring)
เลือก webhostthai web hosting
พร้อมระบบ ป้องกันไวรัสจากอีเมล์ (Anti virus for email) และระบบกรองสแปมเมล์ และระบบสำรองข้อมูล Backup รายวันและรายสัปดาห์
Customer service : การบริการลูกค้า
งานบริการลูกค้าสำหรับเว็บโฮสติ้ง/web hosting จัดว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุดที่จะประเมินออกมาได้
โดยคุณสามารถโทรติดต่อสอบถามไปที่บริษัท หรือพิจารณาจากผู้ใช้บริการ ซึ่งถ้าเป็นลูกค้าองค์กรเป็นส่วนใหญ่ ความน่าเชื่อถือของ ผู้ให้บริการ hosting ตลอดจนระยะเวลา และประสบการณ์ในการเปิดให้บริการในธุรกิจเว็บโฮสติ้ง/web hosting
อีกทั้งการตอบปัญหาทางอีเมล์ การสื่อสารกับลูกค้า ช่องทางต่างๆ เช่น Live Chat เป็นต้น
หากคุณมีข้อสงสัย สามารติดต่อกับเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า หรือ customer support ของ webhostthai web hosting ได้ที่ Tel.02-9682665,02-9683399 หรือ support@ecomsiam.com ค่ะ หรือ Line id : @ecomsiam ค่ะ
การเลือก : เว็บโฮสติ้ง/web hosting plan
web hosting planใดเหมาะกับคุณ?
ปัจจุบันผู้ให้บริการเว็บโฮสต์ติ้ง/web hosting ต่างๆ มีบริการที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่ ผู้เริ่มต้น (Starter) ไปจนถึงระดับองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise) ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกัน เช่น จำนวนพื้นที่, จำนวนอีเมล์, จำนวน Data transfer
"หลักในการเลือก Web Hosting plan และสิ่งที่ควรพิจารณาคือ ฟีเจอร์ของเว็บโฮสต์ติ้ง/web hosting ,สิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ ราคาและความคุ้มค่า"
ระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมประยุุกต์
โปรแกรมที่รองรับการเขียนเว็บเพจ หรือ script ที่จำเป็นตามการใช้งานของคุณ ซึ่งมีให้คุณเลือกใช้ระหว่าง ระบบปฏิบัติการ windows web hosting หรือ Linux web hosting
จำนวนรายชื่ออีเมล์/ Email account
ซึ่งคุณควรพิจารณาเลือกใช้ ตามจำนวนรายชื่ออีเมล์ที่ใช้งาน
ตัวอย่างเช่น info@yourweb.com, sales@yourweb.com หรือ webmaster@yourweb.com เป็นต้น
พื้นที่จัดเก็บหรือ Disk space
พื้นที่จัดเก็บเว็บไซต์ หรือพื้นที่สำหรับเก็บอีเมล์ หากต้องการจัดเก็บอีเมล์ไว้บน server หรือเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีการเก็บข้อมูลจำนวนมาก
ควรเลือก web hosing plan ที่มีพื้นที่มากขึ้น
ปริมาณ Data transfer
ปริมาณ Data transfer คือปริมาณข้อมูล ที่ถูกส่งออกมาจาก ชื่อเว็บไซต์ (โดเมนเนมของคุณ) และการรับเข้า เช่น การเปิดเว็บไซต์ของคุณ และ การใช้งานรับส่ง อีเมล์ โดยทั่วไปเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะใช้ data transfer ไม่เกิน 50 GB ต่อเดือน
ฟีเจอร์ และระบบจัดการเว็บโฮสติ้ง
พิจารณาจาก WHM หรือ web hosting manager software ซึ่งในที่นี้ขอแนะนำ Cpanel web hosting (Cpanel WHM)
ซึ่งมีฟีเจอร์มากมาย ช่วยให้คุณสามารถจัดการ web hosting ของโดเมนเนม ของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Cpanel web hosting มีการใช้งานผ่านทางหน้าเว็บ
เช่น การ upload ไฟล์ สำหรับเว็บไซต์, การจัดการอีเมล์, การสำรองข้อมูล (Backup), การ FTP,สถิติของเว็บไซต์ (web site statistics) และอื่นๆ อีกมากมาย
การบริการหลังการขาย
การบริการหลังการขาย หรือ Customer support ของผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง/web hosting
เช่น การตอบปัญหา หรือการช่วยเหลือแก่ผู้ใช้บริการ การแจ้งเตือน เมื่อโดเมนเนมใกล้หมดอายุ เป็นต้น
ความปลอดภัยในการใช้งาน
เลือกweb hosting ที่มีความปลอดภัยในการใช้งาน
เช่น ระบบป้องกันไวรัสจากอีเมล์ ระบบกรองสแปมเมล์ หรือกรองอีเมล์ขยะ ตลอดจนการสำรองข้อมูล / Backup รายวัน หรือ รายสัปดาห์ และการจัดเก็บ Log file 90 วันตามกฏหมาย
มีใบรับรอง SSL
เลือก Web hosting ที่มีความปลอดภัย ที่พร้อมใบรับรอง SSL certificate สำหรับเว็บไซต์และอีเมล์
SSL / TLS (Secure Sockets Layer / Transport Layer Security) คือการเข้ารหัสข้อมูลระหว่างเบราว์เซอร์ของผู้เยี่ยมชมและเซิร์ฟเวอร์ โปรโตคอลเหล่านี้ ป้องกันการดักใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และยังช่วยป้องกันข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลการเข้าสู่ระบบ
โปรโตคอลทั้งสองนี้ จะเข้าใจกันระหว่างที่เซิร์ฟเวอร์ของคุณ และคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยเงื่อนไขเหล่านี้รวมถึง ชุดกุญแจสาธารณะ และกุญแจส่วนตัว คอมพิวเตอร์ทั้งสองเครื่องใช้คีย์เหล่านี้ ในการเข้ารหัส และถอดรหัสข้อความที่ส่งถึงกัน ระหว่างการสื่อสาร